กลุ่มทรูได้มีการแบ่งกลุ่มธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย บริการโทรศัพท์พื้นฐาน อินเทอร์เน็ต และโครงข่ายข้อมูล (ทรูออนไลน์) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (กลุ่มทรู โมบาย) และบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ทรูวิชั่นส์) โดยผลการดำเนินงานของธุรกิจคอนเวอร์เจนซ์และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจดิจิตอลคอมเมิร์ซ (ทรูมันนี่) และดิจิตอลคอนเทนต์ รวมทั้งเครือข่ายร้านกาแฟ ทรู คอฟฟี่ ได้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มธุรกิจของ ทรูออนไลน์
กลุ่มทรู โมบายมีผู้ใช้บริการทั้งสิ้นประมาณ 19.3 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2555 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากไตรมาส 1 ปี 2554 ทั้งนี้ กลุ่มทรู โมบายมีส่วนแบ่งตลาดในอัตราร้อยละ 25.2 ของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม โดยให้บริการทั้งในระบบเติมเงินและรายเดือน ในไตรมาส 1 ปี 2555 กลุ่มทรู โมบายมีสัดส่วนผู้ใช้บริการแบบเติมเงินและรายเดือนในอัตราร้อยละ 90 และ 10 ของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด ตามลำดับ
บริการจากกลุ่มทรู โมบายมีความแตกต่างจากบริการโดยผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากความสามารถในการนำเสนอโปรโมชั่นควบคู่กับผลิตภัณฑ์และบริการโทรคมนาคมครบวงจรของกลุ่มทรู เพื่อให้บริการที่คุ้มค่า คุ้มราคา ตรงใจและหลากหลายแก่ลูกค้า ซึ่งส่งผลให้อัตราการยกเลิกการใช้บริการลดลง
ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโต ถึงแม้ว่าอัตราผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรของประเทศจะค่อนข้างสูง แต่การใช้บริการยังคงต่ำเมื่อเทียบกับตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้คาดว่า การขยายบริการบนเครือข่าย 3G ตลอดจน บริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice) ซึ่งมีความหลากหลายและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสร้างความเติบโตให้กับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
กลุ่มทรูได้มีการแบ่งกลุ่มธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย บริการโทรศัพท์พื้นฐาน อินเทอร์เน็ต และโครงข่ายข้อมูล (ทรูออนไลน์) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (กลุ่มทรู โมบาย) และบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ทรูวิชั่นส์) โดยผลการดำเนินงานของธุรกิจคอนเวอร์เจนซ์และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจดิจิตอลคอมเมิร์ซ (ทรูมันนี่) และดิจิตอลคอนเทนต์ รวมทั้งเครือข่ายร้านกาแฟ ทรู คอฟฟี่ ได้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มธุรกิจของ ทรูออนไลน์
- กลุ่มทรู
- ทรูออนไลน์
- กลุ่มทรูโมบาย
- กลุ่มทรูวิชั่นส์
ในเดือนมกราคม 2554 กลุ่มทรูได้เข้าซื้อหุ้น 4 บริษัทของกลุ่มบริษัทฮัทชิสันในประเทศไทย ต่อมา ในเดือนเมษายน 2554 บริษัทได้มีการจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยรวมผลประกอบการของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์เข้าด้วยกัน ภายใต้กลุ่มทรู โมบาย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพทั้งในด้านการเงินและการประกอบกิจการของบริษัท ทรูมูฟ เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสามของประเทศ โดยให้บริการด้านเสียงและข้อมูลในระบบ 2G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในขณะที่ ทรูมูฟ เอช (ซึ่งเป็นแบรนด์เพื่อให้บริการ 3G ของกลุ่มทรู) เป็นผู้ขายต่อบริการ (รีเซลเลอร์) 3G+ เชิงพาณิชย์ ของ กสท ด้วยเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงสุด 42 Mbps และ ฮัทช์ เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครือข่าย CDMA ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะหยุดให้บริการและโอนย้ายลูกค้าฮัทช์ส่วนใหญ่ เข้ามาเป็นลูกค้าของ ทรูมูฟ เอช ภายในไตรมาส 1 ปี 2555
ในเดือนเมษายน 2554 กลุ่มทรูก้าวสู่การเป็นผู้นำบริการ 3G ในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว ทรูมูฟ เอช ในฐานะผู้ขายต่อบริการ 3G+ เชิงพาณิชย์ (บนเครือข่าย HSPA) ของ กสท โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 สิงหาคม 2554 ใน 16 จังหวัดทั่วประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2555 ทรูมูฟ เอช ได้ขยายบริการครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 5,000 ตำบล ใน 77 จังหวัดทั่วไทย และมีเป้าหมายขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ (7,235 ตำบล ใน ทุกอำเภอ) ภายในสิ้นปี 2555กลุ่มทรู โมบายมีผู้ใช้บริการทั้งสิ้นประมาณ 19.3 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2555 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากไตรมาส 1 ปี 2554 ทั้งนี้ กลุ่มทรู โมบายมีส่วนแบ่งตลาดในอัตราร้อยละ 25.2 ของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม โดยให้บริการทั้งในระบบเติมเงินและรายเดือน ในไตรมาส 1 ปี 2555 กลุ่มทรู โมบายมีสัดส่วนผู้ใช้บริการแบบเติมเงินและรายเดือนในอัตราร้อยละ 90 และ 10 ของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด ตามลำดับ
บริการจากกลุ่มทรู โมบายมีความแตกต่างจากบริการโดยผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากความสามารถในการนำเสนอโปรโมชั่นควบคู่กับผลิตภัณฑ์และบริการโทรคมนาคมครบวงจรของกลุ่มทรู เพื่อให้บริการที่คุ้มค่า คุ้มราคา ตรงใจและหลากหลายแก่ลูกค้า ซึ่งส่งผลให้อัตราการยกเลิกการใช้บริการลดลง
ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโต ถึงแม้ว่าอัตราผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรของประเทศจะค่อนข้างสูง แต่การใช้บริการยังคงต่ำเมื่อเทียบกับตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้คาดว่า การขยายบริการบนเครือข่าย 3G ตลอดจน บริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice) ซึ่งมีความหลากหลายและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสร้างความเติบโตให้กับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น