วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ใครจะฟ้องรัฐบาล...ศาลไม่รับฟ้อง

คอลัมน์ : กฎหมายคลายทุกข์
กฎหมายคลายทุกข์/ทนายแค้ง-พิมพ์พล แสงเมือง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2490   ศาลแพ่งสั่งในคำฟ้องว่า "ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(11) .....คู่ความต้องเป็นบุคคลและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 73 ....ทบวงการเมืองที่เป็นนิติบุคคลนั้นคือกระทรวงและกรมในรัฐบาล.......ที่ โจทก์ขอให้เรียกรัฐบาลมาเป็นจำเลยนั้นรัฐบาลหาใช่นิติบุคคลตามกฎหมายไม่ ........ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้ จึงให้ยกเสีย........

.....ผู้ที่จะฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในโรงศาลนั้น จะต้องเป็นบุคคลโดยเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตาม กฎหมายรัฐบาลไม่เป็นนิติบุคคลตาม กฎหมาย จึงเป็นคู่ความไม่ได้......
คำว่า "รัฐบาล" จึงไม่เป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ......และตามกฎหมายอื่นก็ไม่ปรากฏว่าได้มีบทบัญญัติในที่ได้บัญญัติให้ รัฐบาลเป็นนิติบุคคล.....จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในข้อที่ไม่รับฟ้อง โจทก์
ตามคำสั่งของศาลแพ่งแสดงชัดอยู่ว่า ศาลยังไม่ได้สั่งให้รับคำฟ้องโจทก์ในชั้นตรวจคำฟ้องหรือคำคู่ความนั้น ศาลอาจทำได้ 3 ประการ คือสั่งรับ สั่งไม่รับและสั่งให้คืน ไปเท่านั้น ......คำสั่งของศาลแพ่งเป็นคำสั่งให้ยกเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 172 ....ซึ่งมีผลเป็นเช่นเดียวกับคำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม วิ.แพ่ง มาตรา 18....โจทก์อุทธรณ์ได้.

ล้างคุกรอ !!! "ราชทัณฑ์" รับผู้ต้องขังศาลทหาร - "จาตุรนต์" ส่อเป็นแขกรายแรก ??

คอลัมน์ : อาชญากรรม
กรมราชทัณฑ์  พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งคสช.  นำผู้ต้องขังจากศาลทหาร  เข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ  -มี "จาตุรนต์" เป็นผู้ต้องขังรายแรกขึ้นศาลทหาร
วันนี้ ( 28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีคำสั่งที่ 44/2557 ให้เรือนจำกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติตามหมายของศาลทหารว่า  กรมราชทัณฑ์พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งคสช.หากมีการส่งตัวผู้ต้องขังจากศาลทหาร โดยเตรียมส่งตัวผู้ต้องขังเข้าควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เบื้องต้นเชื่อว่ามีความสามารถในการรองรับผู้ต้องขังเหล่านี้เพราะน่าจะมี จำนวนไม่มาก  ซึ่งเท่าที่เรียกไปรายงานตัวเพิ่งจะมีส่งตัวขึ้นศาลทหารเพียงรายเดียวคือนาย จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

          ส่วนการจะย้ายตัวผู้ต้องขังในกลุ่มนี้ไปไว้ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ได้ หรือไม่นั้น พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ถือเป็นเรือนจำสาขาของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ การจะแยกไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวหรือไม่ผบ.เรือนจำจะเป็นผู้พิจารณาความ เหมาะสม แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของคสช

"วัชรพล"ชี้ปรับโครงสร้างตร.เน้นลดอำนาจผบ.ตร.ตอบโจทย์ปชช.

คอลัมน์ : อาชญากรรม

รรท.ผบ.ตร. เผยปฏิรูปโครงสร้างตำรวจคิดมานานแล้ว วันนี้ปัจจัยเอื้อปชช.เรียกร้อง เปิดทุกภาคส่วนร่วมคิด ย้ำปรับครั้งนี้ต้องไม่เหมือนเดิม เน้นลดอำนาจ ผบ.ตร. กระจายสู่หน่วยปฏิบัติ  

วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงการปฏิรูปปรับโครงสร้างตำรวจ ที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับเป็นกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และปรับกองบัญชาการเป็นกรมต่างๆในสังกัด ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบันบริหารแบบรวมศูนย์ ซึ่งข้อเรียกร้องของประชาชนให้มีการปฏิรูปตำรวจ อยากเห็นตำรวจกระจายอำนาจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรใหญ่ มีคน 2 แสนกว่า มี 30 กองบัญชาการ(บช.) ทั้งบช.ที่ปฏิบัติการสนับสนุน และบช.ที่ดูแลพื้นที่ จึงคิดว่าทำอย่างไร ถึงจะกระจายอำนาจตามข้อเรียกร้องของประชาชน ให้หน่วยงานดูแลพื้นที่มีอำนาจบริหารจัดการได้เบ็ดเสร็จ  จึงคิดว่าหากเป็นนิติบุคคล สามารถตั้งงบประมาณได้มีงบประมาณ คน เครื่องมือ และการบริหารจัดการเองได้ สามารถกำหนดตัวชี้วัดตามปัจจัยคุกคามในพื้นที่ได้เอง เมื่อบช.ต่างๆเป็นนิติบุคคล ส่วนบังคับบัญชาของตร.ที่เป็นส่วนอำนวยการใหญ่ มีผบ.ตร.อยู่ จะเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนประสานงาน คิดเรื่องยุทธศาสตร์ วางแผนการสนับสนุนงบประมาณในภาพรวม ผบ.ตร.จะถูกลดอำนาจลง เล็กลง ผบ.ตร.จะไม่ใช่ ผบ.กองกำลังลัง จะเป็นการกระจายบอำนาจให้หน่วยปฏบัติมีอำนาจเบ็ดเสร็จ คดีที่เกี่ยวข้องหลายพื้นที่ เกี่ยวโยงกับต่างประเทศ ผบ.ตร.ก็สามารถประสานงานสั่งการในส่วนเหล่านี้ได้

“ เป้าหมายคือกระจายอำนาจ ลดลง ไม่ได้ใหญ่โตขึ้น ผบ.ตร.ก็จะเล็กลง ส่วนจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่ต้องรอดู ทั้งนี้เมื่อเรามีแนวทางกระจายอำนาจหน่วยปฏิบัติต่างๆให้มีอิสระ ก็ต้องดูว่าจะเป็นรูปแบบใด โครงสร้างจะเป็นเหมือนกระทรวงหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้ อาจไม่ใช่ก็ได้เพียงแต่กฎหมายจะเขียนชัดว่าให้กองบัญชาการเป็นนิติบุคคล  การปรับโครงสร้างครั้งนี้จึงต้องทำให้ถึงที่สุด กระจายอำนาจ ไม่รวมศูนย์อีกต่อไป ” รรท.ผบ.ตร.กล่าว และว่า เราทำตามที่ประชาชนอยากเห็นตำรวจกระจายอำนาจ อยากเห็นผู้นำหน่วยต่างๆเป็นผู้นำหน่วยที่บริหารงาน รับผิดรับชอบด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้ทุกอย่างรวมศูนย์ที่ผบ.ตร. เรากำลังคิดตอบโจทย์พี่น้องประชาชน แต่ท้ายที่สุดจะออกมาอย่างไรก็ต้องหารือกัน ทั้งหน่วยที่เกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาในทางนโยบาย และพี่น้องประชาชน

ถามว่าเมื่อปรับโครงสร้างตำรวจก็จะไม่เป็นหนึ่งในเหล่าทัพ ไม่สามารถเคียงข้างเหล่าทัพได้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เราไม่ใช่กองทัพ ผบ.ตร.ไม่ใช่ผบ.เหล่าทัพ ตำรวจไม่ใช่กองกำลังใหญ่โต ตำรวจต้องกระจายอยู่กับประชาชนในพื้นที่ การให้ตำรวจรวมตัวเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ไม่ใช่หลักการ เมื่อมีสถานการณ์ต่างๆมีกลไกอยู่แล้ว มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่กองทัพจะเข้ามามีบทบาท  จะทำอย่างไรให้ตำรวจในแต่ละพื้นที่ตอบสนองแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ ทั้งนี้หากยังรวมศูนย์รอฟังนโยบายผบ.ตร.ก็ไม่ใช่แล้ว ตนว่าบช.ภ.แต่ละแห่งดูแลหลายจังหวัด มีตำรวจในสังกัดนับหมื่นนาย จึงต้องมีอำนาจบริหารจัดการในพื้นที่ได้เอง แนวคิดนี้มีมาระยะหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องหาจุดสมดุล ดูทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เช่นด้านความมั่นคง

เมื่อถามว่า มีการมองว่า คสช.แต่งตั้งให้ รรท.ผบ.ตร.เพื่อมาปรับโครงสร้างตำรวจโดยเฉพาะ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ตนเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ที่เข้ามาทำหน้าที่ในจังหวะนี้พอดี และก็เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน อยากเห็นตำรวจของพี่น้องประชาชน เป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อถามว่าแนวคิดการปฏิรูปนี้เหมือนที่กปปส.พูดบนเวที อาจถูกมองว่าเป็นการรับลูก ทำเพื่อสนองแนวคิด ของกปปส. พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ผมคิดว่า จะเป็นแนวคิดของใครก็ตาม ขอแค่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน เราอยากเห็นการเมืองการปกครองที่ดี มีคุณธรรมทุกคนอาสาเข้ามาบริหารปกครองประเทศ ตำรวจก็ต้องเป็นตำรวจของประชาชน นี่ไม่ใช่ความคิดของใคร แต่เป็นความคิดของพี่น้องประชาชน

ถามว่าที่ผ่านมาตำรวจปฏิรูปตำรวจมาหลายครั้งแต่ตำรวจก็ยังมีปัญหา โครงสร้างใหม่จะตอบโจทย์ได้หรือ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การบริหารราชการเป็นเรื่องหนึ่ง ระบบวิธีการปฏิบัติงานก็เป็นเรื่องหนึ่ง ถ้าเราอยากให้ตำรวจทำงานด้วยความโปร่งใสรับผิดชอบ ต้องใช้กลไกหลายเรื่องสมัยที่ตนทำงานกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ก็มีแนวคิดการพัฒนาคนด้วยการฝึกอบรมตลอดเวลา นำเทคโนโลยี ไอทีเข้ามาทำงานเพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ ใช้วิทยาการทำให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นวิทยาศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องทำเป็นองคาพยพ ประชาชนมาช่วยสอดส่องดูแลแนะนำ ยืนยันไม่ใช่การตอบโจทย์กปปส.อย่างแน่นอน ตนมองว่าพี่น้องประชาชนอยากเห็นนักการเมือง ข้าราชการ รวมถึงตำรวจเป็นข้าราชการที่ดี ทำเพื่อประชาชน ข้าราชการทั้งตำรวจทหารก็อยากเห็นระบบที่มีคุณธรรม เชื่อมั่นได้ สิ่งเหล่านี้เราฝันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าปัญหาที่ผ่านมาคือฝ่ายการเมืองล้วงลูก การปฏิรูปครั้งนี้จะแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า การเมืองการปกครองเป็นของคู่กัน นักการเมืองที่เป็นคนดี มีความพร้อมเสียสละเข้ามาเป็นนักการเมืองทำหน้าที่นิติบัญญัติ บริหาร ก็หวังว่าเข้ามาทำอย่างไรให้สังคมรุ่งเรือง ประชาชนมั่นคงกินดูอยู่ดีปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ตำรวจ ทหารก็เป็นกลไกลรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ อยากเห็น

เมื่อถามว่า ตำรวจบางส่วนวิพากษณ์วิจารณ์ และไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปตำรวจ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อเป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องคิดว่าอะไรดีที่จะตอบโจทย์สังคม ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ก่อนเปลี่ยนแปลงก็ต้องรับฟังความเห็น ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ลองผิดลองถูก ไม่มีใครเป็นพหูสูตร คิดในฐานะตำรวจคนหนึ่ง คิดว่าถึงเวลาที่ต้องทำให้ตำรวจมั่นใจระบบคุณธรรม และให้ตำรวจทุกคนรับผิดชอบทำหน้าที่ดูแลประชาชน

เมื่อถามว่ารับงานจากฝ่ายที่มีแนวคิดต้องการปฏิรูป รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่าไม่ใช่หรอก คนที่เป็นตำรวจด้วยมีจิตวิญญาน อยากให้ทำอาชีพมีเกียรติศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับจากประชาชน ทำอะไรได้ ก็กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง การที่ตนออกมาพูดเช่นนี้ นี่คือกระบวนการประชาพิจารณ์อย่างหนึ่ง เมื่อพูดไปคนวิจารณ์ ก็รับฟังปรับไป การที่ดำเนินการตรงนี้ ทางคสช.มองว่ามีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน

รรท.ผบ.ตร. กล่าวีกว่า ตนเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ที่มาทำหน้าที่  ได้คุยกับพล.ต.อ.อดุลย์ กับอดีตผู้บังคับบัญชา มีการให้ความเห็นมาเราก็รับฟัง นี่คือการเบรนสตรอมมิ่ง ย้ำว่านี่คือกระบวนการคิดเพื่อตอบโจทย์พี่น้องประชาชน เปิดโอเพ่นคิดให้เต็มที่ แนวคิดนี้คิดมานานแล้ว แต่ขึ้นกับปัจจัยที่เอื้อให้พัฒนา ปัจจัยที่ประชาชนเร่งเร้าให้ตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน การปฏิรูปครั้งนี้ไม่รู้สำเร็จหรือไม่ แต่ต้องกล้าคิดกล้าเปลี่ยนแปลง

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ยังคงต้องแสวงหาข้อมูลรอบด้าน กระบวนการยังอีกยาวนาน เปิดโดอกาสให้พี่น้องประชาชน สื่อมวลชนช่วยกันคิด ซึ่งกระแสตอนนี้ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ผลที่สุดตำรวจไม่ใช่ผู้ตัดสินได้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา กรอบเวลา 4 เดือนจะทำได้หรือไม่ ตอบไม่ได้  เพิ่งเริ่มกระบวนการคิดเท่านั้น ยังมีกระบวนการอีกมากกว่าจะสำเร็จ

17.47 "ICT"จ่อฟัน!!ผู้ใช้"ไลน์"ขัดประกาศคสช.

วันนี้(29พ.ค.57)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษาปลัดกระรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และอดีตผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยว่า คณะทำงานกำกับดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ จะเริ่มเข้าไปตรวจสอบการใช้งานของประชาชนที่เข้าข่ายขัดประกาศ คสช. ผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่น ไลน์  โดยในช่วงสัปดาห์หน้าทางกระทรวงไอซีที จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเจรจากับ สำนักงานใหญ่ของบริษัทผู้ให้บริการไลน์ ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขออำนาจในการเข้าตรวจสอบการใช้งานไลน์ของประชาชน

"สมิทธ" เตือนไทยอาจเกิด "สึนามิ" ครั้งที่ 2 ที่ไร้การเตรียมพร้อม ???

คอลัมน์ : ภัยพิบัติ / ภัยธรรมชาติ
"ดร.สมิทธ" เตือนไทยอาจเกิด "สึนามิ" ครั้งที่ 2 ที่ไร้การเตรียมพร้อม เผยหากเกิดขึ้นไทยจะได้รับผลกระทบมหาศาล คำนวณจากครั้งก่อนเกิดไกล 1,200 กม. หากเกิดรอบนี้ใกล้เพียง 500 กม.
วันนี้ ( 19 พ.ค.57 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ค "เสียงเตือนจากภัยร้าย เรื่องใกล้ตัวที่ต้องระวัง" ได้แชร์ภาพพร้อมข้อความของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า "สึนามิ ลูกที่ ๒ : อนาคตไทยที่ไร้การเตรียมพร้อม" นักวิจัยญี่ปุ่น ซึ่งเขาก็พูดถึงเรื่องของศาสตราจารย์จอห์น แมคคลอสคีย์ ออกมาบอกว่าอีกไม่นานจะเกิดสึนามิอีกครั้ง ในส่วนประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมากๆ เพราะว่ารอยเลื่อนแผ่นดินที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ ๒๖ ธ.ค. ๒๕๔๗ เป็นรอยเลื่อนแค่เศษ ๑ ส่วน ๔ เท่านั้น ดังนั้นจะเหลืออีกเศษ ๓ ส่วน ๔ ที่ยังไม่เกิด ซึ่งแผ่นดินจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาทางเหนือระหว่างเกาะนิโคบาและเกาะอันดามัน โดยการเลื่อนในครั้งนี้มันจะขยับเข้ามาใกล้กับชายฝั่งของประเทศไทยมากขึ้น จากครั้งที่แล้ว

ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า "ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้อง ๙ ริกเตอร์เหมือนกับครั้งที่แล้ว เรียกว่าขอให้เกิดสึนามิขึ้นเมื่อใด ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบมหาศาล.....คำนวณง่ายๆ ว่าสึนามิครั้งที่แล้วเกิดขึ้นไกลจาก ๖ จังหวัดภาคใต้ถึง ๑,๒๐๐ กิโลเมตร แต่!! รอยเลื่อน อีกเศษ ๓ ส่วน ๔ อยู่ใกล้ประเทศไทยเพียง ๕๐๐-๕๕๐ กิโลเมตร ดังนั้นถ้าเกิดสึนามิขึ้นไม่ว่าจะกี่ริกเตอร์ ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายมากกว่าครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน"

เปิดประสบการณ์ใหม่ในโลกที่คุณมองไม่เห็น ด้วย I'm4 แคมเปญสุดสนุกจากดีแทค

เนื่องในโอกาสที่ดีแทคเปิดตัว dtac TriNet 4G อย่างเป็นทางการ ทางดีแทคเองก็เลยมีแคมเปญสุดสนุกในชื่อ “I’m 4, I See Beyond” ที่จะชวนคุณมาสัมผัสกับโลกใบใหม่ที่เหนือธรรมดา ชนิดที่ว่าคุณจะไม่เคยได้เห็นจากที่ไหนมาก่อน พร้อมกับ “ปรากฎการณ์เลข 4” ที่จะเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั่วกรุงเทพมหานคร
ดีแทคมองว่าตัวดีแทคเองเป็น human brand ที่ไม่ว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไรก็จะนึกถึงตัวลูกค้าเป็นหลักเสมอ ดังนั้นในแคมเปญนี้ดีแทคจึงเน้นความสำคัญไปกับกลุ่มคนที่จะใช้งาน 4G เป็นหลัก มากกว่าตัวเทคโนโลยีเอง จึงทำให้ดีแทคมองต่อไปว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนในกลุ่ม GEN4 ซึ่งไม่ใช่คนธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เป็นคนที่มีชีวิตแบบ always on คือติดอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อเสพย์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตลอดเวลา ดังนั้นแล้วพวกเขาก็เลยกลายเป็นกลุ่มคนที่เห็นโลกในมุมมองที่กว้างกว่าคนใน กลุ่มอื่นๆ ได้มองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้เห็น และมีความรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็น GEN4 ในแบบฉบับของตัวเอง
ดังนั้นดีแทคจึงพัฒนาแอพพลิเคชัน I’m 4 ออกมา โดยใช้ความเข้าใจใน DNA ของคน GEN4 เป็นรากฐาน และอยากให้คนไทยในกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มคน GEN4 ได้สัมผัสในโลกที่เหนือธรรมดาด้วย 4G บน dtac TriNet ไปพร้อมๆ กัน
งานนี้ดีแทคก็เลยขอเชิญชวนคุณมาร่วมเปิดประสบการณ์ที่เหนือธรรมดาไป พร้อมๆ กัน กับแอพพลิเคชัน I’m4 และโพเดียมเลข 4 ที่ได้รับการสรรสร้างและออกแบบโดยศิลปินนักออกแบบชื่อดังถึง 10 ท่าน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในสไตล์ของแต่ละคนผ่านเลข 4 ซึ่งจะปรากฎอยู่ในสถานที่สำคัญๆ ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ความพิเศษของเลข 4 เหล่านี้ จะทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ไม่มีใครได้เห็นมาก่อนในเมืองไทย และทุกคนสามารถแชร์ประสบการณ์ที่เหนือธรรมดาที่ได้เห็น และได้สัมผัสเหล่านี้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที และนอกจากนี้ผู้ใช้เองก็ยังสามารถติดตามประสบการณ์ที่เหนือธรรมดาเหล่านี้ ได้ผ่านแฮชแท็ก #4GdtacTriNet ผ่านทุกช่องทางของโซเชียลเน็ตเวิร์คได้เช่นกัน
การสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษแบบนี้ ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมประสบการณ์สุดสนุกเกินคำบรรยายเหล่านี้ได้ง่ายๆ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน I’m4 บน Google Play และ AppStore มาติดตั้งได้เลย
ซึ่งหลังจากที่ติดตั้งแอพพลิเคชันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้เพียงแค่ตามหาโพเดียมเลข 4 หรือโปสเตอร์เลข 4 ที่ติดตั้งอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครเท่านั้น โดยดีแทคได้ทำเป็นโพเดียมเพื่อนำไปติดตั้งตามสถานที่สำคัญๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งหมด 7 จุด และยังทำเป็นป้ายโฆษณาเพื่อติดเอาไว้ทั่วกรุงเทพมหานครและตามเสารถไฟฟ้าบีที เอส ซึ่งทั้งหมดก็จะประกอบไปด้วย
  1. มะม่วง 4 ออกแบบโดยคุณวิศุทธิ์ พรนิมิตร ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าศูนย์การค้าลาวิลล่า อารีย์

  1. Run 4 You ออกแบบโดยคุณภัทรีดา ประสานทอง ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าร้าน A&W (ประตูทางเข้าดิจิตอลเกตเวย์ฝั่งสยามสแควร์) บริเวณสยามสแควร์

  1. Enormousss!! ออกแบบโดยคุณรักกิจ ควรหาเวช ตั้งอยู่ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์สแควร์ (ลานด้านหน้าทางเข้าโซน Beacon) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

  2. City Become Alive ออกแบบโดยคุณภูวภวิศ กฤตพลนารา (โรจน์จากแบรนด์แฟชัน Issue) ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 อาคาร Groove ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

  1. 4 Rest ออกแบบโดย P7 ตั้งอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7 โซนเซ็นทรัลคอร์ท ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

  1. 4 Sea World ออกแบบโดยคุณยศวดี ครุฑกล่อม ตั้งอยู่ที่โซนริมน้ำ ศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์

  1. 4 Real ออกแบบโดย Visionary Group ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าอาคารจตุรัสจามจุรี (สำนักงานใหญ่ดีแทค) ถนนพระรามที่ 4

  1. The Bird FX ออกแบบโดยคุณนริศรา เพียรวิมังสา

  1. Girls 4ever ออกแบบโดยคุณนวลตอง ประสานทอง

  1. Hollaman ออกแบบโดย Shittak

โดยหลังจากที่ค้นหาโพเดียม หรือป้ายเจอแล้ว ผู้ใช้เพียงแค่เลือกรูปที่ตรงกันจากในเมนูเลือกภาพ แล้วจากนั้นระบบจะทำการดึงข้อมูลของโพเดียมดังกล่าวขึ้นมา เมื่อระบบทำการดึงข้อมูลเสร็จแล้ว ผู้ใช้เพียงแค่ยกโทรศัพท์ให้มุมกล้องหันไปหาบนโพเดียมหรือป้ายเท่านั้น

วิธีการใช้งานก็จะเหมือนกับการใช้งานแอพพลิเคชันประเภท AR ทั่วๆ ไปครับ โดยในหน้าที่เปิดกล้องขึ้นมานั้น เราจะเห็นจุดบอกตำแหน่งของตัววัตถุที่เราจะได้เห็นอยู่ด้านขวาบนของหน้าจอ โดยเมื่อเราหันกล้องไปหาโพเดียมนั้นๆ เราก็จะเห็นวัตถุเคลื่อนไหวจริงๆ อยู่ภายในหน้าจอนั่นเอง

แต่ในบางโพเดียม ก็จะเป็นการเลือกภาพแอนิเมชันก่อนการถ่ายภาพ ซึ่งจะปรากฎขึ้นมาให้เห็นเมื่อยกกล้องหาโพเดียมเช่นกัน

ทั้งนี้บางโพเดียมที่ดีแทคไปติดตั้งไว้ ยังได้มีการวางจุดแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกมุมมองที่ดีที่สุดในการ สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติได้อีกด้วย

หลังจากที่ตื่นเต้นกันพอหอมปากหอมคอแล้ว และผู้ใช้ต้องการบันทึกภาพ ก็สามารถกดปุ่มชัตเตอร์เพื่อเก็บภาพลงเครื่องและสามารถแชร์ภาพขึ้นโซเชีย ลเน็ตเวิร์คได้เลย

โดยในกรณีของ iOS ตัวแอปพลิเคชันจะขึ้นข้อความพร้อมแฮชแท็กว่า “I’m 4. I see beyond, I see what you don’t see #4GdtacTriNet ดาวน์โหลดได้ที่ (www.dtac.co.th/4G/iam4)” ให้เห็นได้ทุกครั้งที่จะทำการแชร์ภาพขึ้นไป แต่สำหรับ Android จะไม่ขึ้นข้อความนี้ให้ ซึ่งตัวผู้ใช้เองสามารถพิมพ์ Hashtag ว่า “#4GdtacTriNet” เพื่อร่วมแชร์ประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติร่วมกับคนอื่นๆ ได้เช่นกัน

โดยนอกจากเราจะได้แชร์ภาพขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คแล้ว ภาพทั้งหมดยังถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ที่เว็บไซต์ I’m 4 ของดีแทคด้วยเช่นกัน ซึ่งภาพทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่ถูกติดแท็ก #4GdtacTriNet ทั้งสิ้น


ตัวอย่างประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติ ที่คุณจะได้เจอบนแอพพลิเคชัน I’m 4





เพียงแค่นี้คุณก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติ และได้สัมผัสกับโลกที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้เช่นเราได้แล้ว และนอกจากนี้ดีแทคเองก็ยังมีการแจกของรางวัลให้กับผู้ร่วมสนุกในแคมเปญนี้ เช่นกัน โดยตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เพียงแค่ผู้ใช้อัปโหลดภาพที่ถ่ายจากแอพพลิเคชัน I’m4 ขึ้นบน Instagram พร้อมใส่แฮชแท็ก #4GdtacTriNet ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ HTC Desire 816 มูลค่า 12,900 บาทไปฟรีๆ โดยดีแทคจะคัดเลือกภาพที่โดนใจสุดๆ 50 รางวัล และจะประกาศผลให้ทราบกันในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ใครที่สนใจอยากร่วมสนุกกับกิจกรรมนี้ ก็สามารถอ่านรายละเอียดและกติกาการร่วมสนุกเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ดีแทค ได้เลยครับ
ส่

สัมผัสเทคโนโลยี 4G จาก dtac TriNet พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของประสบการณ์เหนือธรรมดา กับ dtac I'm 4, I See Beyond

สัมผัสเทคโนโลยี 4G จาก dtac TriNet พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของประสบการณ์เหนือธรรมดา กับ dtac I'm 4, I See Beyond



ล่าสุดเครือข่ายดีแทคนั้น ก็พร้อมที่จะมอบประสบการณ์อีกระดับ ของเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย สำหรับคนไทยกับเครือข่าย 4G บน dtac Trinet แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า โครงข่าย dtac นั้นถือว่าเป็นโครงข่ายที่มีแบนด์วิธ ที่กว้างที่สุด ซึ่งการเปิดให้ใช้งานในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจ Connecting Everyone by 2015 - Internet for all ที่ทาง ดีแทคนั้นมุ่งหวังที่จะให้คนไทยทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งนั้นจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ของทุกคนโดยเท่าเทียมกัน



ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดให้ใช้งาน 4G บนเครือข่าย dtac TriNet แล้ว ดีแทคยังได้มอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นขึ้นอีกขึ้น กับแนวคิด “I’m 4, I See Beyond” กับ “ปรากฏการณ์เลข 4” ที่จะทำให้คุณ เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ของ ปรากฏการณ์เลข 4 ในครั้งนี้ได้ง่ายๆ เพียงแค่ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น I’m 4 ซึ่งมีให้ได้ใช้งานกันทั้งบน Android และ iOS ซึ่งในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์เลข 4 และ รวบรวมข้อมูล วิธีการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ ในครั้งนี้ รวมถึง ข้อมูลการใช้งาน 4G บนเครือข่าย dtac TriNet สำหรับทุกคนที่สนใจ ลองมาดูกันครับว่า ปรากฏการณ์เลข 4 ในครั้งนี้ จะทำให้คุณเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ได้อย่างไร

แอพพลิเคชั่น I’m 4 กับปรากฏการณ์เลข 4



สำหรับใครที่อยากอินเทรนด์ และได้เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์เลข 4 ในครั้งนี้ ก็ง่ายๆ เลย เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น I’m 4 ที่มีให้เลือกทั้งผู้ใช้ iOS และ Android หลังจากนั้น คุณก็พร้อมแล้วที่จะเข้าร่วมปรากฏการณ์ เลข 4 ในครั้งนี้

ร่วมสัมผัส ประสบการณ์ที่เหนือธรรมดา ทั่วกรุงเทพฯ



สำหรับกิจกรรม I’m 4 I See Beyond ในครั้งนี้นั้นถือว่า เป็นกิจกรรมที่จะทำให้คุณสนุกกับประสบการณ์ ในการถ่ายภาพสุดเจ๋ง อีกทั้งยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัลจากทาง dtac TriNet จากกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย โดยวิธีเข้าร่วมก็ง่ายๆ หลังจากดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น I’m 4 มาแล้ว ก่อนอื่นเราลองมาดูกันก่อนว่า แอพพลิเคชั่นนี้ ใช้งานอย่างไร

วิธีใช้งานแอพพลิเคชั่น I’m 4



หลังจากเปิดแอพพลิเคชั่นนี้ขึ้นมา ก็จะพบกับรายการ รูปภาพ เลข 4 มากมาย ที่ถูกออกแบบโดย ศิลปิน และ นักออกแบบชื่อดังถึง 10 ท่าน ได้แก่ ภูวภวิศ กฤตพลนารา (โรจน์ จากแบรนด์แฟชั่น Issue), วิศุทธิ์ พรนิมิตร, ภัทรีดา ประสานทอง, นวลตอง ประสานทอง, P7, ยศวดี, รักกิจ ควรหาเวช, นริศรา เพียรวิมังสา, Shittak และ Visionary ซึ่งเลขสี่แต่ละ แบบนั้นถูกจัดวางในสถานที่ ที่ต่างกัน ซึ่งตัวแอพพลิเคชั่นเอง มีการระบุสถานที่ ที่ตั้งของเลข 4 ในแบบต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ในจุดสำคัญๆ ต่าง ทั่วกรุงเทพฯ ยกตัวอย่างเช่น เซ็นทรัลเวิลด์, สยามสแควร์, สยามพารากอน, ลาวิลล่า อารีย์, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละจุดนั้นจะทำให้คุณได้เห็น สิ่งที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศไทย



ซึ่งเมื่อคุณเดินทางไปถึงในแต่ละสถานที่ และ เลือกรูปภาพ เลข 4 ที่อยู่บนแอพพลิเคชั่น I’m 4 ให้ตรงกับสถานที่นั้น คุณก็จะพบกับ อนิเมชั่นสุดเจ๋ง ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสถานที่ โดยบางสถานที่นั้น อาจ อนิเมชั่นให้เลือกกว่า 5 แบบเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ที่ ลาวิลล่า อารีย์ ที่ทีมงานได้ลองไปทำการทดสอบ จนได้ภาพสุดเจ๋ง สำหรับแชร์ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือแม้แต่ ทวิตเตอร์



หรือจะเป็นสยามสแควร์ ที่จะมาพร้อมกับ Effect หิมะ พร้อมหอไอเฟล สุดเจ๋ง ที่ให้คุณได้ภาพถ่ายที่ไม่ซ้ำใคร พิเศษเฉพาะบนแอพพลิเคชั่น I’m 4 จาก dtac TriNet เท่านั้น



ซึ่งนอกจากคุณจะได้รับประสบการณ์ และภาพถ่ายสุดเจ๋งแล้ว หากคุณทำการแชร์ภาพนั้นผ่าน Instagram พร้อมใส่ Hashtag #4GdtacTriNet คุณอาจโชคดี ได้รับรางวัลเป็น HTC Desire 816 ก็เป็นได้ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมในครั้งนี้ ได้ ที่นี่

แผนที่แสดงกิจกรรม I’m 4 I See Beyond



คุณสามารถตรวจสอบแผนที่ แสดง กิจกรรมได้จากภาพด้านบน รวมถึงสามารถดูได้จากแอพพลิเคชั่น I’m 4 ได้โดยตรงเช่นเดียวกัน โดยในแอพพลิเคชั่นนั้นจะมีการแสดงชื่อของสถานที่ ที่เป็นที่ตั้งในแต่ละจุดของกิจกรรมในครั้งนี้ ให้ได้เห็นอย่างชัดเจน



แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะต้องสังเกตนิดหน่อยก็ตรงที่ เมื่อคุณไปถึงสถานที่ดังกล่าวแล้วนั้น ในส่วนของตัวเลือกในแอพพลิเคชั่น จะมีให้เลือกสองแบบคือ (scan from picture) กับ (ชื่อสถานที่นั้นๆ) หากคุณไปยังสถานที่ดังกล่าวแล้ว ให้เลือกอันที่เป็น (ชื่อสถานที่นั้นๆ) ที่คุณไป ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะไม่ได้เห็นความพิเศษของปรากฏการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นได้

เกี่ยวกับ 4G จาก dtac TriNet



สำหรับ เทคโนโลยี 4G บน dtac TriNet นั้นถือเป็นรายเดียวในประเทศ ที่มีโครงข่ายถึง 3 โครงข่ายอัจฉริยะ ซึ่งประกอบด้วย 3 คลื่นความถี่ได้แก่ 1800 MHz, 850 MHz และ 2100 MHz ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นแบนด์วิธที่กว้างที่สุด และ สามารถใช้เพื่อติดต่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการรับชม Video Streaming หรือ การเล่นเกมเป็นต้น

สิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้า dtac TriNet ทดลองใช้ 4G ฟรีถึง 4 GB นาน 4 เดือน



ก่อนอื่นต้องพูดถึงสิทธิพิเศษในครั้งนี้กันก่อนเลย เนื่องจาก ลูกค้า dtac TriNet ที่ใช้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด ที่มีรายเดือนตั้งแต่ 399 บาทขึ้นไป สามารถขอรับสิทธิ์ ทดลองใช้ 4G ฟรีได้ถึง 4GB นานถึง 4 เดือน เพียงแค่กด *2014# แล้วโทรออก เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ใช้งาน 4G จาก dtac TriNet ได้ทันที

พื้นที่ให้บริการ 4G จาก dtac TriNet



สำหรับพื้นที่ให้บริการ 4G จาก dtac TriNet ในปัจจุบันนั้นครอบคลุมพื้นที่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ และศุนย์การค้าใจกลางเมืองหลายแห่ง สามารถตรวจสอบได้ในเบื้องต้นจากภาพแผนที่ด้านบน

สรุปประสบการณ์ การเป็นส่วนหนึ่งของ กิจกรรม I’m 4 I See Beyond



เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่นอกจากจะให้คุณได้ ภาพถ่ายสุดเจ๋ง และ สัมผัสกับปรากฏการที่คุณอาจไม่เคยได้เห็นมาก่อนในประเทศไทยแล้ว คุณยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นรับรางวัลจากทาง dtac ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่มีความ พิเศษอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมครั้งนี้ยังทำให้คุณได้สัมผัสกับ ศิลปะจาก ศิลปิน และ นักออกแบบชื่อดัง ในแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของสิทธิพิเศษ สำหรับการทดลองใช้ 4G ฟรี ที่ทาง dtac TriNet ได้มอบให้กับผู้ใช้นั้นก็ถือว่า น่าจะถูกใจผู้ใช้ dtac TriNet อย่างแน่นอนครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก : http://www.dtac.co.th/4g/#activity

Asus เตรียมเปิดตัว PadFone S สมาร์ทโฟนพร้อม Tablet Dock ในราคา 21,900 บาท



ในขณะที่ตลาดฝั่งสหรัฐฯ กำลังรอ Asus PadFone X กันอยู่ ล่าสุดมีข่าวว่า ทาง Asus น่าจะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นคือ PadFone S ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับ PadFone X ของทางฝั่งสหรัฐฯ เพียงแต่ PadFone S นั้นจะมีการวางจำหน่ายไปทั่วโลกนั่นเอง โดยล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการเปิดเผยว่า Asus PadFone S นั้นน่าจะมีการวางจำหน่ายพร้อม Tablet Dock ในราคา $664 หรือประมาณ 21,900 บาท ส่วนในเรื่องของสเปคนั้นก็คาดว่าจะมาพร้อมกับชิป Snapdragon 801 แรม 2 GB กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล และ รันแอนดรอยด์​ 4.4.2 นั่นเองครับ

พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S5



 
TMC Point
  8.25
การออกแบบดีไซน์
  7.5
ใช้งานง่ายและสะดวก
  8.0
คุณสมบัติเครื่อง
  9.0
ฟังก์ชันการใช้งาน
9.5
เสถียรภาพและประสิทธิภาพ
  8.5
ความคุ้มค่าต่อราคา
  7.0
 
   

 พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S5
 สัมผัส แรกกับ Samsung Galaxy S5 สมาร์ทโฟนตัวเรือธงล่าสุดจาก ซัมซุง ที่ไม่ได้มีดีแค่สเปคไฮเอนด์ แต่ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมที่สามารถกลมกลืนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้อย่าง ลงตัว
 Preview Date (19-มีนาคม-2557)
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมกิจกรรม ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ทาง ซัมซุง จัดขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ ก็คือการเปิดโอกาสให้บรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ได้สัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ สมาร์ทโฟน ตัวเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง นั่นก็คือ Samsung Galaxy S5 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และนอกจาก Samsung Galaxy S5 แล้ว ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งก็คือนาฬิกาอัจฉริยะ (SmartWatch) รุ่นที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กับ Samsung Galaxy S5 ทั้ง Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 ซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้ Samsung Galaxy S5 เลยทีเดียว แต่สำหรับในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ตัวหลักอย่าง Samsung Galaxy S5 กันก่อน เพื่อให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนเรือธง รุ่นนี้มีดีอย่างไร มีจุดขาย หรือความแตกต่างที่เพียงพอสำหรับการต่อกรกับ สมาร์ทโฟนเรือธง ตัวแรงจากค่ายอื่นๆ หรือไม่

สำหรับคุณสมบัติของ Samsung Galaxy S5 นั้น ก็แน่นอนว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์ ซึ่งจัดเต็มในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นจอ Full HD Super AMOLED, ชิปเซ็ตตัวล่าสุดอย่าง Snapdragon 801, การรองรับกับเครือข่ายแบบ 4G LTE หรือกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล แต่สิ่งที่ ซัมซุง พยายามนำเสนอใน Samsung Galaxy S5 กลับไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติระดับไฮเอนด์เหล่านี้แต่อย่างใด เพราะทาง ซัมซุง เลือกที่จะนำเสนอฟีเจอร์ล้ำๆ หรือนวัตกรรม ที่สามารถเข้าไปผสมผสานกับการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้อย่างกลมกลืน เสียมากกว่า เรียกได้ว่าไม่เน้นขายสเปคกันอีกต่อไป ซึ่งฟีเจอร์ที่ ซัมซุง ต้องการนำเสนอเป็นพิเศษก็ได้แก่ เซ็นเซอร์ ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ, โหมด Ultra Power Saving, คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น, โหมดถ่ายภาพ HDR แบบใหม่, การโฟกัสภาพที่เร็วถึง 0.3 วินาที, โหมดถ่ายภาพแบบ Selective Focus และฟังก์ชัน Download Booster ที่มีเทคโนโลยี MIMO อยู่เบื้องหลัง แต่อย่างไรก็ดี ราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S5 ก็ถือว่าสูงเอาการเลยทีเดียว คือ 23,800 บาท (ความจุ 16 GB พร้อมรองรับ 4G LTE) เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S4 ที่เปิดตัวมาเพียง 21,900 บาท ดังนั้นก็เชื่อว่าทาง ซัมซุง น่าจะมั่นใจกับ Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้เป็นอย่างมาก ว่ามีดีพอ และคุ้มค่ากับราคานี้แล้ว ดังนั้นในวันนี้เราก็จะพาทุกท่าน มาลองสัมผัส และใช้งาน Samsung Galaxy S5 ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งแม้ว่าอาจจะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็น่าจะได้รับประสบการณ์จากการใช้งาน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้ มาเล่าสู่กันฟังไม่มากก็น้อยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S5
การออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S5 หากดูกันเผิน ก็อาจจะดูคล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S4 แต่หากพิจารณากันดีๆ ก็มีข้อแตกต่างอยู่หลายจุดเลยทีเดียว ทั้งมุมของกรอบตัวเครื่องที่มีความโค้งมนน้อยลง, ฝาหลังแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวของกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อ ดังแบรนด์หนึ่ง และที่สำคัญที่สุดก็คือมีคุณสมบัติของควาทนทานต่อน้ำ และฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 ติดมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S เลยทีเดียว ส่วนขนาด และน้ำหนักตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S5 นั้นจะมากกว่า Samsung Galaxy S4 อยู่เล็กน้อย ซึ่งสาเหตุหลักก็คงจะเป็นเพราะหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่านั่นเอง
ที่ด้านหน้าตัว เครื่องของ Samsung Galaxy S5 เมื่อดูเหลี่ยมมุมต่างๆ แล้ว ก็เหมือนจะมีแนวการออกแบบที่คล้ายๆ กับรุ่นใหญ่อีกรุ่นอย่าง Samsung Galaxy Note 3 เพียงแค่จะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดมากกว่า
ที่ด้านบนของหน้าจอ จะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับการแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, กล้องดิจิตอลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor
ที่ด้านหลังของตัว เครื่องมีดีไซน์ใหม่หมดจด ด้วยพื้นผิวที่ดูคล้ายกับกระเป๋าหนังแบรนด์เนม ซึ่งหากดูจากภาพแรกๆ ที่ออกมา หลายคนอาจจะคิดว่าผิวสัมผัสมีความมันลื่น แต่แท้จริงแล้วผิวสัมผัสจะค่อนข้างหนึบติดมือ คล้ายๆ กับยาง โดยที่ด้านหลังนี้จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิตอลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่ภายในมีชิ้นเลนส์ซ่อนอยู่ถึง 6 ชิ้นด้วยกัน, ไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
เมื่อส่องดูพื้นผิวของฝาหลังแบบชัดๆ ใกล้ๆ ก็จะเห็นว่ามีลักษณะที่คล้ายๆ กับหนัง
เซ็นเซอร์ตรวจวัด อัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ติดกับไฟแฟลช ซึ่งในขณะที่ใช้งานฟังก์ชันที่เกี่ยวกับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์นี้จะเปล่งแสงสีแดงออกมา
ลำโพงเสียงมีขนาดค่อนข้างเล็ก คุณภาพเสียง หรือมิติของเสียง อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 สามารถถอดออกมาได้ ซึ่งหากสังเกตที่ด้านในของฝาหลังก็จะพบว่ามีขอบยางกันน้ำซีลอยู่ด้วย ส่วนที่ด้านในจะเป็นแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 2,800 mAh พร้อมรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ microSIM และรองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดถึง 128 GB
ฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 เป็นพลาสติกที่ค่อนข้างหนา แต่ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร สามารถบิดงอได้
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัว เครื่องจะมีช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน และ Infrared Port (IR Blaster) สำหรับการใช้งานเป็นรีโมท
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ที่มีฝาปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ฝาปิดนี้จะมีการซีลขอบยางเอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันน้ำเข้าไปในพอร์ต USB 3.0

เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Samsung Galaxy S5 กับ Samsung Galaxy Note 3
เมื่อนำสมาร์ทโฟน เรือธง 2 รุ่นล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy S5 กับ Samsung Galaxy Note 3 มาเปรียบเทียบกัน ก็พบว่าที่ด้านหน้าจะมีการออกแบบดีไซน์ที่ดูคล้ายกัน คือทั้งคู่จะมีความโค้งมนน้อยลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
แต่ที่ด้านหลังของ ตัวเครื่อง จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยพื้นผิวของ Samsung Galaxy Note 3 จะดูเป็นหนังเทียมแบบเรียบๆ แต่ Samsung Galaxy S5 จะดูเหมือนพื้นผิวของกระเป๋าหนังแบรนด์ดัง
ที่กรอบด้านข้างของ ตัวเครื่องก็มีดีไซน์ที่แตกต่างกัน โดย Samsung Galaxy Note 3 จะดูเหมือนกับสันหนังสือ แต่ Samsung Galaxy S5 จะเป็นผิวโครเมียมมันวาวแบบเรียบๆ

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในเบื้องต้น
เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว มือของ Samsung Galaxy S5 จะเป็นการทำงานร่วมกันกับหน้าจอ และปุ่มโฮม ซึ่งการเปิดใช้งานจะต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน
วิธีการลงทะเบียน ลายนิ้วมือก็คือ ให้เริ่มรูดนิ้วจากขอบด้านล่างของหน้าจอ บริเวณที่ติดกับปุ่มโฮม แล้วรูดนิ้วลงมาจนผ่านปุ่มโฮมไป ซึ่งการลงทะเบียนจะต้องรูดนิ้วหลายๆ รอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะรูดนิ้วในเหลี่ยมมุมใด ก็จะสามารถตรวจสอบลายนิ้วมือของเราได้
หากทำถูกต้อง ในแต่ละรอบก็จะขึ้นไฟสีเขียวบนหน้าจอดังที่เห็นนี้
เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว มือบน Samsung Galaxy S5 สามารถใช้งานได้กับการปลดล็อคเครื่อง, การซ่อนข้อมูลส่วนตัว (Private Mode) และการจ่ายเงินผ่าน Paypal อย่างเช่นในการทดสอบนี้ เราจะทดลองปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนนิ้วมือกันก่อน
หากระบบตรวจสอบได้ ว่าลายนิ้วมือของเราถูกต้อง ก็จะทำการปลดล็อคเครื่องให้เราสามารถเข้าไปใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งวิธีของการสแกนลายนิ้วมือนี้ ถือว่ามีความปลอดภัย และใช้งานได้ง่าย
ระบบโฟกัสภาพ อัตโนมัติของ Samsung Galaxy S5 ถือว่ามีความรวดเร็วมากๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่รุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy S4 ใช้เวลานานถึง 1.0 วินาที
และฟังก์ชันหนึ่ง ที่โดดเด่นมากๆ สำหรับการใช้งานกล้องก็คือฟังก์ชัน Selective Focus ซึ่งเหมาะกับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ควรจะให้วัตถุด้านหน้า อยู่ห่างจากวัตถุด้านหลัง หรือฉากด้านหลังออกมาประมาณหนึ่ง
วิธีการใช้งานกก็ง่ายๆ เพียงแค่เลือกไปที่วัตถุที่ต้องการโฟกัส
จากนั้นกล้องก็จะทำการโฟกัสที่วัตถุได้ในพริบตา เพียงแค่ 0.3 วินาที
ต่อมาก็ให้ถือเครื่องเอาไว้นิ่งๆ แล้วกดไปที่ปุ่มชัตเตอร์
หลังจากนั้น เครื่องก็จะถ่ายภาพหลายๆ เฟรม หลายๆ เลเยอร์เก็บเอาไว้ โดยใช้เวลาประมวลผลเพียงแค่อึดใจเดียว
เมื่อเลือกดูรูปภาพ ที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selective Focus ก็จะสังเกตเห็นไอคอนที่มุมซ้ายบน ซึ่งหากเราต้องการเลือกจุดโฟกัสใหม่ เราก็สามารถกดเข้าไปที่ไอคอนนี้ได้
ภาพที่ถ่ายด้วย ฟังก์ชัน Selective Focus จะสามารถเลือกรูปแบบของการโฟกัสได้ 3 รูปแบบคือ หน้าชัดหลังเบลอ, หลังชัดหน้าเบลอ และชัดทั้งหน้า-หลัง
ตัวอย่างของการเลือกใช้ภาพแบบหน้าเบลอหลังชัด
ตัวอย่างของการเลือกใช้ภาพแบบชัดทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ สำคัญสำหรับการถ่ายภาพก็คือโหมด HDR (Rich Tone) ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นกันมาแล้วในสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น แต่สำหรับโหมด HDR ใน Samsung Galaxy S5 จะมีความพิเศษไปกว่านั้น คือสามารถดูตัวอย่างของผลลัพธ์แบบ Real-time ได้ทันที่ก่อนที่จะกดถ่ายภาพ ส่วนประโยชน์ของโหมด HDR ก็สามารถยกตัวอย่างที่ชัดเจนได้จากภาพนี้ คือเมื่อเราจำเป็นต้องถ่ายภาพในสถานการณ์ที่มีสภาพแสงต่างกันมากๆ เช่นในสถานการณ์นี้เราอยากจะถ่ายคน แต่เผอิญมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สว่างมากๆ อยู่ที่ด้านหลัง ซึ่งหากถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ ก็จะสว่างที่หน้าจอเพียงจุดเดียว นอกจากที่หน้าจอแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็จะมืดไปหมด
แต่หากเราเปิดโหมด HDR ก็จะเห็นว่ามีผลลัพธ์ที่แตกต่าง และดีขึ้นอย่างชัดเจน คือนอกจากหน้าจอจะสว่างแล้ว คน หรือวัตถุอื่นๆ ที่อยู่ในภาพก็จะสว่างไปด้วยเช่นกัน ทำให้ภาพที่ได้มีความสวยงามน่าดูกว่ามาก
อีกหนึ่งจุดเด่นของ การใช้งานกล้องบน Samsung Galaxy S5 ก็คือ สามารถรองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K UHD เลยทีเดียว (3840x2160 พิกเซล) ซึ่งในอีกแง่หนึ่ง ก็แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลของ Samsung Galaxy S5 นั้นเร็ว และแรงเพียงใด
แอพพลิเคชั่นที่เกิดมาคู่กับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็คือแอพพลิเคชั่น S Health นั่นเอง
หากเราต้องการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เอานิ้วชี้ ไปแตะไว้ที่บริเวณด้านบนของตัวเซ็นเซอร์
เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจเริ่มทำงาน ก็จะมีการเปล่งแสงสีแดงออกมา เพื่อใช้ในการอ่านค่าจากปลายนิ้วของเรา
การตรวจวัดจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในทันทีทันใด โดยอาจจะต้องใช้เวลาประมวลผลเล็กน้อย
เมื่อประมวลผลเสร็จ เรียบร้อย แอพพลิเคชั่นก็จะแสดงให้เห็นค่าอัตราการเต้นของหัวใจ อย่างในภาพนี้ก็คือ 74 ครั้งต่อนาที ซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติทั่วไปในขณะที่ยังไม่ได้ออกแรงใดๆ เพราะหากเป็นการออกกำลังกาย ค่านี้ก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 110-120 ครั้งต่อนาที เป็นอย่างน้อย
สำหรับการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ หากเป็นสถานการณ์ที่ไม่หนักหนามากนัก เราก็อาจจะเลือกใช้แค่ Power Saving Mode ไปตามปกติ
แต่หากอยู่ในสถานกา ณ์ฉุกเฉิน หรือแบตเตอรี่เหลือน้อยมากๆ เราก็สามารถเลือกใช้ฟังก์ชัน Ultra Power Saving Mode ได้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Samsung Galaxy S5 เลยทีเดียว
โดยโหมดการทำงานแบบ Ultra Power Saving Mode นี้ จะเปลี่ยนการแสดงผลให้เป็นแบบภาพขาว-ดำ และจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะบางแอพพลิเคชั่นพื้นฐานเท่านั้น เช่น โทรศัพท์, ข้อความ, อินเทอร์เน็ต, ไลน์, นาฬิกา และเครื่องคิดเลข ซึ่งเราสามารถเข้าไปเลือกปรับเปลี่ยนรายการของแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้เอง (แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ก็สามารถเลือกเพิ่มเข้ามาได้เช่น WhatsApp, Facbook, Twitter, ChatON)
สำหรับการอึดทนของ โหมด Ultra Power Saving Mode นี้ ในกรณีที่แบตเตอรี่เหลืออยู่ 10% จะสามารถเปิดเครื่องใช้งานได้ต่อเนื่องอีกถึง 24 ชั่วโมง แต่ก็น่าจะหมายถึงการสแตนด์บายรอรับสาย หรือใช้งานเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยความสามารถของ ฟังก์ชัน Download Booster ก็จะช่วยให้การดาวน์โหลดมีความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยอาศัยเทคนิคการรวมความเร็วของการเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi และ LTE เอาไว้ด้วยกัน แล้วทำงานไปพร้อมๆ กัน รวมไปถึงใน Samsung Galaxy S5 ยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า MIMO (Multi-Input Multi-Output) ซึ่งมีตัวรับสัญญาณ WiFi ถึง 2 ตัวอยู่ภายในเครื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรับ-ส่งสัญญาณ WiFi ดีขึ้นตามไปด้วย
หากใครที่มักจะมี เด็กๆ มาขอยืมเล่นเครื่องอยู่เป็นประจำ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะใน Samsung Galaxy S5 นี้มีแอพพลิเคชั่น Kids Mode ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูใช้งานต่างๆ ให้น่ารักสดใส เหมาะสมกับเด็กเล็ก และสามารถจำกัดการเข้าถึงการใช้งานบางอย่างที่ไม่ต้องการให้เด็กเข้าถึงได้
Samsung Galaxy S5 นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด ได้แก่ Android 4.4.2 KitKat ส่วนโมเดลของเครื่องทดสอบนี้จะเป็นโมเดล SM-G900F
User Interface (UI) ของ Samsung Galaxy S5 นี้ก็ยังคงเป็น TouchWiz UI ของ ซัมซุง เองเช่นเดิม แต่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ในบางจุดให้ดูสวยลงตัว และใช้งานง่ายมากขึ้น เช่นกราฟฟิคเคลื่อนไหวบนหน้า Lock Screen, หน้ารวมแอพพลิเคชั่น, การจัดการหน้า Home Screen, เมนูการตั้งค่า, การใช้งานโทรศัพท์, รายชื่อผู้ติดต่อ, เว็บเบราว์เซอร์, กล้องดิจิตอล รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น S Health ก็มีการปรับดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างของหน้ารวมแอพพลิเคชั่นที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูสวยลงตัวมากขึ้น
แอพพลิเคชั่นมาตรฐานที่ติดตั้งมากับ Samsung Galaxy S5
หน้าสุดท้ายของแอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่ติดตั้งมากับ Samsung Galaxy S5
หน่วยความจำภายใน สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลของ Samsung Galaxy S5 จะมีขนาด 16 GB และสามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD Card เพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 128 GB
หน่วยความจำภายในจะ เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 11 GB จากที่มีอยู่ทั้งหมด 16 GB ซึ่งหากใช้งานกันจริงๆ คงไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบดูหนัง, ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ แต่ก็มีทางออกที่ง่ายๆ คือการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มเข้าไปนั่นเอง

สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S5
แม้ว่าค่ำคืนวานนี้ ทางทีมงานของเราจะมีโอกาสได้สัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่เรายังสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการใช้งานฟีเจอร์เด่นๆ ของ Samsung Galaxy S5 ได้มากพอสมควร เรียกได้ว่าเกือบจะครบถ้วนทุกแง่มุมกันเลยทีเดียว นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าทาง ซัมซุง ได้พยายามนำเสนอจุดขายเหล่านี้อย่างจริงจัง เน้นความเข้ากันได้กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยไม่ได้เน้นไปในเรื่องของคุณสมบัติอันยิบย่อยที่อยู่ภายใน เรียกได้ว่า ซัมซุง ไม่ต้องการที่จะเน้นขาย Samsung Galaxy S5 ตัวนี้ด้วยสเปคอันเลิศหรู หรือซีพียูแรงๆ แต่อย่างใด แม้ว่าคุณสมบัติยิบย่อยต่างๆ ที่อยู่ด้านในนั้นก็ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งรุ่นใดก็ตามที
ประโยชน์ของฟีเจอร์เด่นๆ ที่ ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษใน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้ เท่าที่ได้ทดลองใช้งานมาประมาณหนึ่ง ดูแล้วก็สามารถนำไปใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ ได้ทันที ในแบบที่ไม่ต้องไปปรับตัวอะไรกันมากมาย เช่นโหมด Ultra Power Saving Mode หากลองคิดดูว่าเราไปติดอยู่ในป่าลึกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงจากหลอดไฟ หรือไปติดอยู่กลางทะเลที่ไร้ซึ่งไฟฟ้า แบตเตอรี่ในมือถือที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่ง ซึ่งก็เชื่อว่าโหมด Ultra Power Saving Mode นี้น่าจะใช้งานได้จริงในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์อีกอย่างที่ใกล้ตัว และคงได้เจอกันแน่ๆ ในอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้านี้ ก็คือการเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งแม้แต่คนที่ไม่ได้ร่วมวงเล่นด้วย ก็มีสิทธิ์จะโดนลูกหลงด้วยเช่นกัน ด้วยคุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 ของ Samsung Galaxy S5 นี้ก็จะทำให้เราพกมือถือไปเล่นสงกรานต์ หรือเดินตะลุยอยู่ในสงครามสาดน้ำได้อย่างสบายใจ และไม่แน่เหมือนกันว่า ซัมซุง อาจจะตั้งใจวางจำหน่าย Samsung Galaxy S5 ในวันที่ 11 เมษายน ซึ่งก็ใกล้กับวันสงกรานต์พอดิบพอดีอยู่แล้วก็เป็นได้
ส่วนฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ที่เหลือ เมื่อทางทีมงานของเราได้รับเครื่องทดสอบมา ก็คงจะพูดถึงโดยละเอียดอีกครั้งในรีวิวฉบับสมบูรณ์ แต่ในเบื้องต้นก็ขอแนะนำกันพอสังเขปดังนี้คือ เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย หรือเป็นคนที่ดูแลสุขภาพ, ฟังก์ชันสแกนนิ้วมือ เหมาะสำหรับผู้ที่แสวงหาความปลอดภัยที่มากขึ้น และง่ายขึ้น, โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR และ Selective Focus เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายภาพ ทั้งมือใหม่ ไปจนถึงมือเก่า และฟังก์ชัน Download Booster ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบเร็วๆ แรงๆ มากกว่าปกติ
สำหรับการตั้งราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy S5 เอาไว้ที่ 23,800 บาท สำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S รุ่นที่ผ่านๆ มา ดังนั้นก็ไม่แน่เหมือนกันว่า พอถึงวันจำหน่ายจริง ทาง ซัมซุง อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการซื้อ Samsung Galaxy S5 ออกมาเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็เป็นได้ แต่สำหรับผู้ที่ถูกใจในฟีเจอร์ต่างๆ ของ Samsung Galaxy S5 อยู่แล้ว มั่นใจว่าได้ใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้จริงในชีวิตประจำวัน และมีงบประมาณที่เพียงพอ การตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S5 ในราคานี้ ก็น่าจะเกิดความคุ้มค่าในระยะยาวได้ เช่นเดียวกัน สุดท้ายนี้ทีมงานของเราก็คงต้องรอดูว่าเครื่องทดสอบของ Samsung Galaxy S5 จะมาถึงมือเมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อนั้นก็จะมีรีวิวฉบับเต็มมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันอีกครั้งอย่างแน่ นอนครับ สวัสดีครับ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S5
- ฝาหลังดีไซน์ใหม่ มีพื้นผิวที่ดูคล้ายกับลวดลายของกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อดังแบรนด์หนึ่ง และชิ้นงานโดยรวมดูดีขึ้นกว่า Samsung Galaxy S4
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.1 นิ้ว : 432 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.5 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.2 (KitKat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- รองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ Dropbox (ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 50 GB)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชในตัว (LED Flash)
- สามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลา 0.3 วินาที (Fast Auto Focus)
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Selective Focus สามารถเลือกจุดโฟกัสได้เองในภายหลัง (หน้าชัดหลังเบลอ, หลังชัดหน้าเบลอ และชัดทั้งภาพ)
- โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR (Rich Tone) แบบใหม่ ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีแม้ยังไม่ได้กดถ่าย
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- เทคโนโลยี MIMO (2x2) พร้อมฟังก์ชัน Download Booster รองรับการเพิ่มความเร็วของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยการเปิดใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ WiFi และ LTE ไปพร้อมๆ กัน
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth, Infrared และ ANT+
- รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านทางสาย MHL (MHL 2 : Mobile High-Definition Link)
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- โหมด Ultra Power Saving สำหรับการประหยัดพลังงาน (ล็อคการใช้งานบางฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น และเปลี่ยนสีของหน้าจอเป็น ขาว-ดำ : แบตเตอรี่ 10% สามารถใช้งานต่อได้นานประมาณ 24 ชั่วโมง)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- รองรับการใช้งานกับนาฬิกาอัจฉริยะ Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 ได้อย่างเต็มรูปแบบ
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ (Finger Scanner) พร้อมโหมดการใช้งานแบบ Private Mode ที่ใช้งานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ (Barometer Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความชื้น (Humidity Sensor)
- แอพพลิเคชั่น Kids Mode เพื่อการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็ก
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 2,800 mAh
- มีการผลิต S View Cover สำหรับ Samsung Galaxy S5 ออกมาจำหน่ายโดยเฉพาะ


จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S5
- ยังไม่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization)
- วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องยังเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเช่นเดิม
- คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ยังมีข้อจำกัด กล่าวคือเหมาะสำหรับการโดนน้ำ หรือหล่นลงน้ำแบบไม่ตั้งใจ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานแบบจริงจัง หรือสมบุกสมบันมากนัก เช่นการนำไปถ่ายรูปใต้น้ำ หรือการนำไปแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน
- พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาด 16 GB เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 11 GB
- ลำโพงเสียงมีขนาดเล็ก ซึ่งยังให้มิติของเสียง หรือรายละเอียดของเสียงไม่ดีมากนัก
- ไม่มีปุ่มกล้องดิจิตอลในตัว
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคาเปิดตัว 23,800 บาท ถือว่าค่อนข้างสูง


สรุปข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S5
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 11 เมษายน 2557 ในราคา 23,800 บาท โดยเป็นรุ่นความจุ 16 GB, ใช้งานชิปเซ็ต Snapdragon 801 และรองรับการใช้งานกับเครือข่ายแบบ 4G LTE
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 มีวางจำหน่ายครบทุกสี ทั้งสีฟ้า, สีขาว, สีดำ และสีทอง แต่สำหรับสีทอง จะวางจำหน่ายในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายประมาณวันที่ 14 พฤษภาคม 2557
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 รุ่นที่มีความจุ 32 GB อาจจะนำมาจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่ยังไม่ยืนยันแน่นอน ณ เวลานี้
- การพัฒนา และออกแบบฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 มีแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อดังแบรนด์หนึ่ง
- คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 มีความทนทานได้ในระดับหนึ่ง เช่นการโดยน้ำสาด หรือหล่นลงน้ำในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานใต้น้ำแบบจริงจัง เช่นการนำไปถ่ายรูปใต้น้ำเป็นระยะเวลานานๆ
- Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 จะวางจำหน่ายพร้อมกันกับ Samsung Galaxy S5 ในราคา 5,900 บาท และ 8,900 บาท ตามลำดับ

โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *


สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S5 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy S5 Specification