วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S5



 
TMC Point
  8.25
การออกแบบดีไซน์
  7.5
ใช้งานง่ายและสะดวก
  8.0
คุณสมบัติเครื่อง
  9.0
ฟังก์ชันการใช้งาน
9.5
เสถียรภาพและประสิทธิภาพ
  8.5
ความคุ้มค่าต่อราคา
  7.0
 
   

 พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S5
 สัมผัส แรกกับ Samsung Galaxy S5 สมาร์ทโฟนตัวเรือธงล่าสุดจาก ซัมซุง ที่ไม่ได้มีดีแค่สเปคไฮเอนด์ แต่ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมที่สามารถกลมกลืนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้อย่าง ลงตัว
 Preview Date (19-มีนาคม-2557)
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมกิจกรรม ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ทาง ซัมซุง จัดขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ ก็คือการเปิดโอกาสให้บรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ได้สัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ สมาร์ทโฟน ตัวเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง นั่นก็คือ Samsung Galaxy S5 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และนอกจาก Samsung Galaxy S5 แล้ว ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งก็คือนาฬิกาอัจฉริยะ (SmartWatch) รุ่นที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กับ Samsung Galaxy S5 ทั้ง Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 ซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้ Samsung Galaxy S5 เลยทีเดียว แต่สำหรับในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ตัวหลักอย่าง Samsung Galaxy S5 กันก่อน เพื่อให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนเรือธง รุ่นนี้มีดีอย่างไร มีจุดขาย หรือความแตกต่างที่เพียงพอสำหรับการต่อกรกับ สมาร์ทโฟนเรือธง ตัวแรงจากค่ายอื่นๆ หรือไม่

สำหรับคุณสมบัติของ Samsung Galaxy S5 นั้น ก็แน่นอนว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์ ซึ่งจัดเต็มในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นจอ Full HD Super AMOLED, ชิปเซ็ตตัวล่าสุดอย่าง Snapdragon 801, การรองรับกับเครือข่ายแบบ 4G LTE หรือกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล แต่สิ่งที่ ซัมซุง พยายามนำเสนอใน Samsung Galaxy S5 กลับไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติระดับไฮเอนด์เหล่านี้แต่อย่างใด เพราะทาง ซัมซุง เลือกที่จะนำเสนอฟีเจอร์ล้ำๆ หรือนวัตกรรม ที่สามารถเข้าไปผสมผสานกับการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้อย่างกลมกลืน เสียมากกว่า เรียกได้ว่าไม่เน้นขายสเปคกันอีกต่อไป ซึ่งฟีเจอร์ที่ ซัมซุง ต้องการนำเสนอเป็นพิเศษก็ได้แก่ เซ็นเซอร์ ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ, โหมด Ultra Power Saving, คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น, โหมดถ่ายภาพ HDR แบบใหม่, การโฟกัสภาพที่เร็วถึง 0.3 วินาที, โหมดถ่ายภาพแบบ Selective Focus และฟังก์ชัน Download Booster ที่มีเทคโนโลยี MIMO อยู่เบื้องหลัง แต่อย่างไรก็ดี ราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S5 ก็ถือว่าสูงเอาการเลยทีเดียว คือ 23,800 บาท (ความจุ 16 GB พร้อมรองรับ 4G LTE) เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S4 ที่เปิดตัวมาเพียง 21,900 บาท ดังนั้นก็เชื่อว่าทาง ซัมซุง น่าจะมั่นใจกับ Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้เป็นอย่างมาก ว่ามีดีพอ และคุ้มค่ากับราคานี้แล้ว ดังนั้นในวันนี้เราก็จะพาทุกท่าน มาลองสัมผัส และใช้งาน Samsung Galaxy S5 ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งแม้ว่าอาจจะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็น่าจะได้รับประสบการณ์จากการใช้งาน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้ มาเล่าสู่กันฟังไม่มากก็น้อยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S5
การออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S5 หากดูกันเผิน ก็อาจจะดูคล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S4 แต่หากพิจารณากันดีๆ ก็มีข้อแตกต่างอยู่หลายจุดเลยทีเดียว ทั้งมุมของกรอบตัวเครื่องที่มีความโค้งมนน้อยลง, ฝาหลังแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวของกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อ ดังแบรนด์หนึ่ง และที่สำคัญที่สุดก็คือมีคุณสมบัติของควาทนทานต่อน้ำ และฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 ติดมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S เลยทีเดียว ส่วนขนาด และน้ำหนักตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S5 นั้นจะมากกว่า Samsung Galaxy S4 อยู่เล็กน้อย ซึ่งสาเหตุหลักก็คงจะเป็นเพราะหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่านั่นเอง
ที่ด้านหน้าตัว เครื่องของ Samsung Galaxy S5 เมื่อดูเหลี่ยมมุมต่างๆ แล้ว ก็เหมือนจะมีแนวการออกแบบที่คล้ายๆ กับรุ่นใหญ่อีกรุ่นอย่าง Samsung Galaxy Note 3 เพียงแค่จะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดมากกว่า
ที่ด้านบนของหน้าจอ จะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับการแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, กล้องดิจิตอลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor
ที่ด้านหลังของตัว เครื่องมีดีไซน์ใหม่หมดจด ด้วยพื้นผิวที่ดูคล้ายกับกระเป๋าหนังแบรนด์เนม ซึ่งหากดูจากภาพแรกๆ ที่ออกมา หลายคนอาจจะคิดว่าผิวสัมผัสมีความมันลื่น แต่แท้จริงแล้วผิวสัมผัสจะค่อนข้างหนึบติดมือ คล้ายๆ กับยาง โดยที่ด้านหลังนี้จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิตอลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่ภายในมีชิ้นเลนส์ซ่อนอยู่ถึง 6 ชิ้นด้วยกัน, ไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
เมื่อส่องดูพื้นผิวของฝาหลังแบบชัดๆ ใกล้ๆ ก็จะเห็นว่ามีลักษณะที่คล้ายๆ กับหนัง
เซ็นเซอร์ตรวจวัด อัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ติดกับไฟแฟลช ซึ่งในขณะที่ใช้งานฟังก์ชันที่เกี่ยวกับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซ็นเซอร์นี้จะเปล่งแสงสีแดงออกมา
ลำโพงเสียงมีขนาดค่อนข้างเล็ก คุณภาพเสียง หรือมิติของเสียง อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 สามารถถอดออกมาได้ ซึ่งหากสังเกตที่ด้านในของฝาหลังก็จะพบว่ามีขอบยางกันน้ำซีลอยู่ด้วย ส่วนที่ด้านในจะเป็นแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 2,800 mAh พร้อมรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ microSIM และรองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดถึง 128 GB
ฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 เป็นพลาสติกที่ค่อนข้างหนา แต่ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร สามารถบิดงอได้
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัว เครื่องจะมีช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน และ Infrared Port (IR Blaster) สำหรับการใช้งานเป็นรีโมท
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ที่มีฝาปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ฝาปิดนี้จะมีการซีลขอบยางเอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันน้ำเข้าไปในพอร์ต USB 3.0

เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Samsung Galaxy S5 กับ Samsung Galaxy Note 3
เมื่อนำสมาร์ทโฟน เรือธง 2 รุ่นล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy S5 กับ Samsung Galaxy Note 3 มาเปรียบเทียบกัน ก็พบว่าที่ด้านหน้าจะมีการออกแบบดีไซน์ที่ดูคล้ายกัน คือทั้งคู่จะมีความโค้งมนน้อยลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
แต่ที่ด้านหลังของ ตัวเครื่อง จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยพื้นผิวของ Samsung Galaxy Note 3 จะดูเป็นหนังเทียมแบบเรียบๆ แต่ Samsung Galaxy S5 จะดูเหมือนพื้นผิวของกระเป๋าหนังแบรนด์ดัง
ที่กรอบด้านข้างของ ตัวเครื่องก็มีดีไซน์ที่แตกต่างกัน โดย Samsung Galaxy Note 3 จะดูเหมือนกับสันหนังสือ แต่ Samsung Galaxy S5 จะเป็นผิวโครเมียมมันวาวแบบเรียบๆ

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในเบื้องต้น
เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว มือของ Samsung Galaxy S5 จะเป็นการทำงานร่วมกันกับหน้าจอ และปุ่มโฮม ซึ่งการเปิดใช้งานจะต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน
วิธีการลงทะเบียน ลายนิ้วมือก็คือ ให้เริ่มรูดนิ้วจากขอบด้านล่างของหน้าจอ บริเวณที่ติดกับปุ่มโฮม แล้วรูดนิ้วลงมาจนผ่านปุ่มโฮมไป ซึ่งการลงทะเบียนจะต้องรูดนิ้วหลายๆ รอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะรูดนิ้วในเหลี่ยมมุมใด ก็จะสามารถตรวจสอบลายนิ้วมือของเราได้
หากทำถูกต้อง ในแต่ละรอบก็จะขึ้นไฟสีเขียวบนหน้าจอดังที่เห็นนี้
เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว มือบน Samsung Galaxy S5 สามารถใช้งานได้กับการปลดล็อคเครื่อง, การซ่อนข้อมูลส่วนตัว (Private Mode) และการจ่ายเงินผ่าน Paypal อย่างเช่นในการทดสอบนี้ เราจะทดลองปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนนิ้วมือกันก่อน
หากระบบตรวจสอบได้ ว่าลายนิ้วมือของเราถูกต้อง ก็จะทำการปลดล็อคเครื่องให้เราสามารถเข้าไปใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งวิธีของการสแกนลายนิ้วมือนี้ ถือว่ามีความปลอดภัย และใช้งานได้ง่าย
ระบบโฟกัสภาพ อัตโนมัติของ Samsung Galaxy S5 ถือว่ามีความรวดเร็วมากๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่รุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy S4 ใช้เวลานานถึง 1.0 วินาที
และฟังก์ชันหนึ่ง ที่โดดเด่นมากๆ สำหรับการใช้งานกล้องก็คือฟังก์ชัน Selective Focus ซึ่งเหมาะกับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ควรจะให้วัตถุด้านหน้า อยู่ห่างจากวัตถุด้านหลัง หรือฉากด้านหลังออกมาประมาณหนึ่ง
วิธีการใช้งานกก็ง่ายๆ เพียงแค่เลือกไปที่วัตถุที่ต้องการโฟกัส
จากนั้นกล้องก็จะทำการโฟกัสที่วัตถุได้ในพริบตา เพียงแค่ 0.3 วินาที
ต่อมาก็ให้ถือเครื่องเอาไว้นิ่งๆ แล้วกดไปที่ปุ่มชัตเตอร์
หลังจากนั้น เครื่องก็จะถ่ายภาพหลายๆ เฟรม หลายๆ เลเยอร์เก็บเอาไว้ โดยใช้เวลาประมวลผลเพียงแค่อึดใจเดียว
เมื่อเลือกดูรูปภาพ ที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selective Focus ก็จะสังเกตเห็นไอคอนที่มุมซ้ายบน ซึ่งหากเราต้องการเลือกจุดโฟกัสใหม่ เราก็สามารถกดเข้าไปที่ไอคอนนี้ได้
ภาพที่ถ่ายด้วย ฟังก์ชัน Selective Focus จะสามารถเลือกรูปแบบของการโฟกัสได้ 3 รูปแบบคือ หน้าชัดหลังเบลอ, หลังชัดหน้าเบลอ และชัดทั้งหน้า-หลัง
ตัวอย่างของการเลือกใช้ภาพแบบหน้าเบลอหลังชัด
ตัวอย่างของการเลือกใช้ภาพแบบชัดทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ สำคัญสำหรับการถ่ายภาพก็คือโหมด HDR (Rich Tone) ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นกันมาแล้วในสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น แต่สำหรับโหมด HDR ใน Samsung Galaxy S5 จะมีความพิเศษไปกว่านั้น คือสามารถดูตัวอย่างของผลลัพธ์แบบ Real-time ได้ทันที่ก่อนที่จะกดถ่ายภาพ ส่วนประโยชน์ของโหมด HDR ก็สามารถยกตัวอย่างที่ชัดเจนได้จากภาพนี้ คือเมื่อเราจำเป็นต้องถ่ายภาพในสถานการณ์ที่มีสภาพแสงต่างกันมากๆ เช่นในสถานการณ์นี้เราอยากจะถ่ายคน แต่เผอิญมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สว่างมากๆ อยู่ที่ด้านหลัง ซึ่งหากถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ ก็จะสว่างที่หน้าจอเพียงจุดเดียว นอกจากที่หน้าจอแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็จะมืดไปหมด
แต่หากเราเปิดโหมด HDR ก็จะเห็นว่ามีผลลัพธ์ที่แตกต่าง และดีขึ้นอย่างชัดเจน คือนอกจากหน้าจอจะสว่างแล้ว คน หรือวัตถุอื่นๆ ที่อยู่ในภาพก็จะสว่างไปด้วยเช่นกัน ทำให้ภาพที่ได้มีความสวยงามน่าดูกว่ามาก
อีกหนึ่งจุดเด่นของ การใช้งานกล้องบน Samsung Galaxy S5 ก็คือ สามารถรองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K UHD เลยทีเดียว (3840x2160 พิกเซล) ซึ่งในอีกแง่หนึ่ง ก็แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลของ Samsung Galaxy S5 นั้นเร็ว และแรงเพียงใด
แอพพลิเคชั่นที่เกิดมาคู่กับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็คือแอพพลิเคชั่น S Health นั่นเอง
หากเราต้องการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เอานิ้วชี้ ไปแตะไว้ที่บริเวณด้านบนของตัวเซ็นเซอร์
เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจเริ่มทำงาน ก็จะมีการเปล่งแสงสีแดงออกมา เพื่อใช้ในการอ่านค่าจากปลายนิ้วของเรา
การตรวจวัดจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในทันทีทันใด โดยอาจจะต้องใช้เวลาประมวลผลเล็กน้อย
เมื่อประมวลผลเสร็จ เรียบร้อย แอพพลิเคชั่นก็จะแสดงให้เห็นค่าอัตราการเต้นของหัวใจ อย่างในภาพนี้ก็คือ 74 ครั้งต่อนาที ซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติทั่วไปในขณะที่ยังไม่ได้ออกแรงใดๆ เพราะหากเป็นการออกกำลังกาย ค่านี้ก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 110-120 ครั้งต่อนาที เป็นอย่างน้อย
สำหรับการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ หากเป็นสถานการณ์ที่ไม่หนักหนามากนัก เราก็อาจจะเลือกใช้แค่ Power Saving Mode ไปตามปกติ
แต่หากอยู่ในสถานกา ณ์ฉุกเฉิน หรือแบตเตอรี่เหลือน้อยมากๆ เราก็สามารถเลือกใช้ฟังก์ชัน Ultra Power Saving Mode ได้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Samsung Galaxy S5 เลยทีเดียว
โดยโหมดการทำงานแบบ Ultra Power Saving Mode นี้ จะเปลี่ยนการแสดงผลให้เป็นแบบภาพขาว-ดำ และจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะบางแอพพลิเคชั่นพื้นฐานเท่านั้น เช่น โทรศัพท์, ข้อความ, อินเทอร์เน็ต, ไลน์, นาฬิกา และเครื่องคิดเลข ซึ่งเราสามารถเข้าไปเลือกปรับเปลี่ยนรายการของแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้เอง (แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ก็สามารถเลือกเพิ่มเข้ามาได้เช่น WhatsApp, Facbook, Twitter, ChatON)
สำหรับการอึดทนของ โหมด Ultra Power Saving Mode นี้ ในกรณีที่แบตเตอรี่เหลืออยู่ 10% จะสามารถเปิดเครื่องใช้งานได้ต่อเนื่องอีกถึง 24 ชั่วโมง แต่ก็น่าจะหมายถึงการสแตนด์บายรอรับสาย หรือใช้งานเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยความสามารถของ ฟังก์ชัน Download Booster ก็จะช่วยให้การดาวน์โหลดมีความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยอาศัยเทคนิคการรวมความเร็วของการเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi และ LTE เอาไว้ด้วยกัน แล้วทำงานไปพร้อมๆ กัน รวมไปถึงใน Samsung Galaxy S5 ยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า MIMO (Multi-Input Multi-Output) ซึ่งมีตัวรับสัญญาณ WiFi ถึง 2 ตัวอยู่ภายในเครื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรับ-ส่งสัญญาณ WiFi ดีขึ้นตามไปด้วย
หากใครที่มักจะมี เด็กๆ มาขอยืมเล่นเครื่องอยู่เป็นประจำ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะใน Samsung Galaxy S5 นี้มีแอพพลิเคชั่น Kids Mode ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูใช้งานต่างๆ ให้น่ารักสดใส เหมาะสมกับเด็กเล็ก และสามารถจำกัดการเข้าถึงการใช้งานบางอย่างที่ไม่ต้องการให้เด็กเข้าถึงได้
Samsung Galaxy S5 นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด ได้แก่ Android 4.4.2 KitKat ส่วนโมเดลของเครื่องทดสอบนี้จะเป็นโมเดล SM-G900F
User Interface (UI) ของ Samsung Galaxy S5 นี้ก็ยังคงเป็น TouchWiz UI ของ ซัมซุง เองเช่นเดิม แต่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ในบางจุดให้ดูสวยลงตัว และใช้งานง่ายมากขึ้น เช่นกราฟฟิคเคลื่อนไหวบนหน้า Lock Screen, หน้ารวมแอพพลิเคชั่น, การจัดการหน้า Home Screen, เมนูการตั้งค่า, การใช้งานโทรศัพท์, รายชื่อผู้ติดต่อ, เว็บเบราว์เซอร์, กล้องดิจิตอล รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น S Health ก็มีการปรับดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างของหน้ารวมแอพพลิเคชั่นที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูสวยลงตัวมากขึ้น
แอพพลิเคชั่นมาตรฐานที่ติดตั้งมากับ Samsung Galaxy S5
หน้าสุดท้ายของแอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่ติดตั้งมากับ Samsung Galaxy S5
หน่วยความจำภายใน สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลของ Samsung Galaxy S5 จะมีขนาด 16 GB และสามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD Card เพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 128 GB
หน่วยความจำภายในจะ เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 11 GB จากที่มีอยู่ทั้งหมด 16 GB ซึ่งหากใช้งานกันจริงๆ คงไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบดูหนัง, ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ แต่ก็มีทางออกที่ง่ายๆ คือการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มเข้าไปนั่นเอง

สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S5
แม้ว่าค่ำคืนวานนี้ ทางทีมงานของเราจะมีโอกาสได้สัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่เรายังสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการใช้งานฟีเจอร์เด่นๆ ของ Samsung Galaxy S5 ได้มากพอสมควร เรียกได้ว่าเกือบจะครบถ้วนทุกแง่มุมกันเลยทีเดียว นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าทาง ซัมซุง ได้พยายามนำเสนอจุดขายเหล่านี้อย่างจริงจัง เน้นความเข้ากันได้กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยไม่ได้เน้นไปในเรื่องของคุณสมบัติอันยิบย่อยที่อยู่ภายใน เรียกได้ว่า ซัมซุง ไม่ต้องการที่จะเน้นขาย Samsung Galaxy S5 ตัวนี้ด้วยสเปคอันเลิศหรู หรือซีพียูแรงๆ แต่อย่างใด แม้ว่าคุณสมบัติยิบย่อยต่างๆ ที่อยู่ด้านในนั้นก็ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งรุ่นใดก็ตามที
ประโยชน์ของฟีเจอร์เด่นๆ ที่ ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษใน Samsung Galaxy S5 รุ่นนี้ เท่าที่ได้ทดลองใช้งานมาประมาณหนึ่ง ดูแล้วก็สามารถนำไปใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ ได้ทันที ในแบบที่ไม่ต้องไปปรับตัวอะไรกันมากมาย เช่นโหมด Ultra Power Saving Mode หากลองคิดดูว่าเราไปติดอยู่ในป่าลึกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงจากหลอดไฟ หรือไปติดอยู่กลางทะเลที่ไร้ซึ่งไฟฟ้า แบตเตอรี่ในมือถือที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่ง ซึ่งก็เชื่อว่าโหมด Ultra Power Saving Mode นี้น่าจะใช้งานได้จริงในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์อีกอย่างที่ใกล้ตัว และคงได้เจอกันแน่ๆ ในอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้านี้ ก็คือการเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งแม้แต่คนที่ไม่ได้ร่วมวงเล่นด้วย ก็มีสิทธิ์จะโดนลูกหลงด้วยเช่นกัน ด้วยคุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 ของ Samsung Galaxy S5 นี้ก็จะทำให้เราพกมือถือไปเล่นสงกรานต์ หรือเดินตะลุยอยู่ในสงครามสาดน้ำได้อย่างสบายใจ และไม่แน่เหมือนกันว่า ซัมซุง อาจจะตั้งใจวางจำหน่าย Samsung Galaxy S5 ในวันที่ 11 เมษายน ซึ่งก็ใกล้กับวันสงกรานต์พอดิบพอดีอยู่แล้วก็เป็นได้
ส่วนฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ที่เหลือ เมื่อทางทีมงานของเราได้รับเครื่องทดสอบมา ก็คงจะพูดถึงโดยละเอียดอีกครั้งในรีวิวฉบับสมบูรณ์ แต่ในเบื้องต้นก็ขอแนะนำกันพอสังเขปดังนี้คือ เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย หรือเป็นคนที่ดูแลสุขภาพ, ฟังก์ชันสแกนนิ้วมือ เหมาะสำหรับผู้ที่แสวงหาความปลอดภัยที่มากขึ้น และง่ายขึ้น, โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR และ Selective Focus เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายภาพ ทั้งมือใหม่ ไปจนถึงมือเก่า และฟังก์ชัน Download Booster ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบเร็วๆ แรงๆ มากกว่าปกติ
สำหรับการตั้งราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy S5 เอาไว้ที่ 23,800 บาท สำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S รุ่นที่ผ่านๆ มา ดังนั้นก็ไม่แน่เหมือนกันว่า พอถึงวันจำหน่ายจริง ทาง ซัมซุง อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการซื้อ Samsung Galaxy S5 ออกมาเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็เป็นได้ แต่สำหรับผู้ที่ถูกใจในฟีเจอร์ต่างๆ ของ Samsung Galaxy S5 อยู่แล้ว มั่นใจว่าได้ใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้จริงในชีวิตประจำวัน และมีงบประมาณที่เพียงพอ การตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S5 ในราคานี้ ก็น่าจะเกิดความคุ้มค่าในระยะยาวได้ เช่นเดียวกัน สุดท้ายนี้ทีมงานของเราก็คงต้องรอดูว่าเครื่องทดสอบของ Samsung Galaxy S5 จะมาถึงมือเมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อนั้นก็จะมีรีวิวฉบับเต็มมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันอีกครั้งอย่างแน่ นอนครับ สวัสดีครับ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S5
- ฝาหลังดีไซน์ใหม่ มีพื้นผิวที่ดูคล้ายกับลวดลายของกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อดังแบรนด์หนึ่ง และชิ้นงานโดยรวมดูดีขึ้นกว่า Samsung Galaxy S4
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.1 นิ้ว : 432 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.5 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.2 (KitKat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- รองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ Dropbox (ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 50 GB)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชในตัว (LED Flash)
- สามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลา 0.3 วินาที (Fast Auto Focus)
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Selective Focus สามารถเลือกจุดโฟกัสได้เองในภายหลัง (หน้าชัดหลังเบลอ, หลังชัดหน้าเบลอ และชัดทั้งภาพ)
- โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR (Rich Tone) แบบใหม่ ซึ่งเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีแม้ยังไม่ได้กดถ่าย
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- เทคโนโลยี MIMO (2x2) พร้อมฟังก์ชัน Download Booster รองรับการเพิ่มความเร็วของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยการเปิดใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ WiFi และ LTE ไปพร้อมๆ กัน
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth, Infrared และ ANT+
- รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านทางสาย MHL (MHL 2 : Mobile High-Definition Link)
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- โหมด Ultra Power Saving สำหรับการประหยัดพลังงาน (ล็อคการใช้งานบางฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น และเปลี่ยนสีของหน้าจอเป็น ขาว-ดำ : แบตเตอรี่ 10% สามารถใช้งานต่อได้นานประมาณ 24 ชั่วโมง)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- รองรับการใช้งานกับนาฬิกาอัจฉริยะ Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 ได้อย่างเต็มรูปแบบ
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ (Finger Scanner) พร้อมโหมดการใช้งานแบบ Private Mode ที่ใช้งานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ (Barometer Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความชื้น (Humidity Sensor)
- แอพพลิเคชั่น Kids Mode เพื่อการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็ก
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 2,800 mAh
- มีการผลิต S View Cover สำหรับ Samsung Galaxy S5 ออกมาจำหน่ายโดยเฉพาะ


จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S5
- ยังไม่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization)
- วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องยังเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเช่นเดิม
- คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ยังมีข้อจำกัด กล่าวคือเหมาะสำหรับการโดนน้ำ หรือหล่นลงน้ำแบบไม่ตั้งใจ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานแบบจริงจัง หรือสมบุกสมบันมากนัก เช่นการนำไปถ่ายรูปใต้น้ำ หรือการนำไปแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน
- พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาด 16 GB เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 11 GB
- ลำโพงเสียงมีขนาดเล็ก ซึ่งยังให้มิติของเสียง หรือรายละเอียดของเสียงไม่ดีมากนัก
- ไม่มีปุ่มกล้องดิจิตอลในตัว
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคาเปิดตัว 23,800 บาท ถือว่าค่อนข้างสูง


สรุปข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S5
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 11 เมษายน 2557 ในราคา 23,800 บาท โดยเป็นรุ่นความจุ 16 GB, ใช้งานชิปเซ็ต Snapdragon 801 และรองรับการใช้งานกับเครือข่ายแบบ 4G LTE
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 มีวางจำหน่ายครบทุกสี ทั้งสีฟ้า, สีขาว, สีดำ และสีทอง แต่สำหรับสีทอง จะวางจำหน่ายในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายประมาณวันที่ 14 พฤษภาคม 2557
- เครื่อง Samsung Galaxy S5 รุ่นที่มีความจุ 32 GB อาจจะนำมาจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่ยังไม่ยืนยันแน่นอน ณ เวลานี้
- การพัฒนา และออกแบบฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 มีแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าหนังแบรนด์หรูชื่อดังแบรนด์หนึ่ง
- คุณสมบัติของความทนทานต่อน้ำ และฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 มีความทนทานได้ในระดับหนึ่ง เช่นการโดยน้ำสาด หรือหล่นลงน้ำในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานใต้น้ำแบบจริงจัง เช่นการนำไปถ่ายรูปใต้น้ำเป็นระยะเวลานานๆ
- Samsung Gear Fit และ Samsung Gear 2 จะวางจำหน่ายพร้อมกันกับ Samsung Galaxy S5 ในราคา 5,900 บาท และ 8,900 บาท ตามลำดับ

โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *


สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S5 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy S5 Specification

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น